8 สัญญาณอันตราย ควรหยุดออกกำลังกายทันที
- เหนื่อยมากผิดปกติ รับรู้ได้ว่ากำลังฝืนขีดจำกัดของร่างกายมากเกินไป
- ใจเต้นรัวผิดปกติ รู้สึกถึงใจที่เต้นแรง และเร็ว มากกว่าการออกกำลังกายครั้งไหนๆ
- หายใจไม่ทั่วท้อง หายใจขัดเป็นช่วงๆ
- เวียนศีรษะ หรือตาเริ่มพร่าลาย
- คลื่นไส้
- หน้ามืด
- เหงื่อออกมากเกินกว่าปกติ และ/หรือมือเท้าเย็นเฉียบ
- เริ่มรู้สึกว่ากำลังจะไม่ได้สติ
หากมีอาการดังกล่าวเพียง 1 อาการ ควรหยุดออกกำลังกาย แล้วนั่งพักจนกว่าจะหายเหนื่อย หรือจนกว่าร่างกายจะเป็นปกติ
สาเหตุที่ทำให้ออกกำลังกายไม่ได้
หลายคนอยากออกกำลังกาย แต่ออกกำลังกายแล้วรัยรู้ได้ว่าร่างกายไม่ไหว อาจมีสาเหตุมาจาก
- พักผ่อนน้อยเกินไป
- ทั้งวันทานอาหารน้อยเกินไป
- หักโหมต่อการออกกำลังกายมากเกินไป
- กำลังอยู่ในสภาวะเจ็บป่วย ไม่สบาย ร่างกายไม่สมบูรณ์แข็งแรง 100% หรือเพิ่งหายไม่สบายมาใหม่ๆ ร่างกายยังไม่ฟื้นฟูเต็มที่
- อากาศอาจจะร้อนอบอ้าวมากเกินไป อาจทำให้เป็นลม หมดสติได้ (ในกรณีที่ผู้ออกกำลังกายอาจยังมีร่างกายที่ไม่แข็งแรงมากพอเหมือนนักกีฬาอื่นๆ)
- เพิ่งทานอาหารเสร็จใหม่ๆ เลือดในระบบไหลเวียนโลหิตจะถูกแบ่งไปใช้ในการย่อยอาหาร เพราะฉะนั้นเลือดที่จะไหลเวียนไปหล่อเลี้ยงส่วนของกล้ามเนื้อที่จะใช้ในการออกกำลังกายก็จะน้อยลง อาจเกิดอาการบาดเจ็บ เป็นตะคริว หรืออาจมีอาการจุกท้องได้ง่าย
- ขาดน้ำ ทั้งก่อน และหลังออกกำลังกายควรแน่ใจว่าตัวเองได้รับน้ำดื่มสะอาดๆ มากเพียงพอ จนไม่อยู่ในภาวะขาดน้ำหลังออกกำลังกาย เพราะอาจเหนื่อยมากจนช็อคได้
สำหรับคนที่มีโรคประจำตัว
สำหรับคนที่มีโรคประจำตัว
โรคหัวใจ ควรค่อยๆ เพิ่มระยะเวลาในการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องทีละน้อย 5-10-15 นาที และหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่ใช้แรงมากเกินไป หรือต้องมีการแข่งขัน เช่น กีฬาอย่างฟุตบอล ยกน้ำหนัก เพื่อไม่ให้ร่างกาย และหัวใจ ทำงานหนักโดยไม่ได้ตั้งใจ
ผู้ป่วยเบาหวาน ไม่ควรออกกำลังกายใกล้ช่วงเวลานอน เพราะอาจทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ และหลีกเลี่ยงการออกกำลังในบริเวณกล้ามเนื้อที่ฉีดอินซูลีนในระยะเวลา 1 ชั่วโมง เพราะอาจทำให้อินซูลินซึมเข้ากระแสเลือดผ่านเลือดที่สูบฉีดขณะออกกำลังกายบริเวณนั้นเร็วเกินไป จนอาจเกิดอาการช็อค อ่อนเพลีย มึนงง หรือหมดสติ
ผู้ป่วยหอบหืด สามารถออกกำลังกายเบาๆ และต่อเนื่องได้ แต่ควรพกยาพ่นเอาไว้ข้างตัวด้วย หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายติดต่อกันเกิน 15-30 นาที และอย่าลืมวอล์มอัพและคูลดาวน์ก่อนและหลังออกกำลังกายทุกครั้ง หากเหนื่อยมากให้หยุดพักทันที
ผู้ป่วยเบาหวาน ไม่ควรออกกำลังกายใกล้ช่วงเวลานอน เพราะอาจทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ และหลีกเลี่ยงการออกกำลังในบริเวณกล้ามเนื้อที่ฉีดอินซูลีนในระยะเวลา 1 ชั่วโมง เพราะอาจทำให้อินซูลินซึมเข้ากระแสเลือดผ่านเลือดที่สูบฉีดขณะออกกำลังกายบริเวณนั้นเร็วเกินไป จนอาจเกิดอาการช็อค อ่อนเพลีย มึนงง หรือหมดสติ
ผู้ป่วยหอบหืด สามารถออกกำลังกายเบาๆ และต่อเนื่องได้ แต่ควรพกยาพ่นเอาไว้ข้างตัวด้วย หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายติดต่อกันเกิน 15-30 นาที และอย่าลืมวอล์มอัพและคูลดาวน์ก่อนและหลังออกกำลังกายทุกครั้ง หากเหนื่อยมากให้หยุดพักทันที
ก่อนออกกำลังกายควรมั่นใจว่าร่างกายพร้อมต่อการออกกำลังกายจริงๆ อย่าฝืนออกกำลังกายมากเกินกำลังของตัวเอง มิเช่นนั้นแทนที่จะได้ร่างกายที่แข็งแรงเป็นของขวัญ อาจต้องล้มหมอนนอนเสื่อเข้าโรงพยาบาลแทนนะคะ